มูลนิธิพันดาราและเสถียรธรรมสถาน
ขอเรียนเชิญผู้สนใจร่วมปฏิบัติบูชาพระโพธิสัตว์ตาราและเข้าร่วมในพิธีมนตราภิเษก
ณ เสถียรธรรมสถาน
วันพุธที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๕.๐๐ - ๑๗.๐๐ น.
นำโดย พระอาจารย์กุงกา ซังโป ริมโปเช (Kunga Sangbo Rinpoche) จากวัดเจคุนโดและวัดต้าซี่กงในทิเบต แปลจากภาษาทิเบตเป็นภาษาไทยโดยรศ. ดร. กฤษดาวรรณ หงศ์ลดารมภ์
*ผู้สนใจสามารถเดินทางไปที่เสถียรธรรมสถานได้เลยโดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า ไม่เก็บค่าลงทะเบียน*
การปฏิบัติบูชาพระโพธิสัตว์ตารา (พระแม่ตารา)
ก่อนที่เราจะปฏิบัติบูชาพระแม่ตาราอย่างจริงจัง ถามตัวเองก่อนว่าทำไมเราถึงอยากปฏิบัติบูชาพระองค์ เพราะเราอยากหนีความทุกข์ เพราะเราอยากได้ที่พึ่ง เพราะเราสนใจพุทธทิเบต จึงสนใจการปฏิบัตินี้ด้วย หรือเพราะเราอยากบ่มเพาะความรักความกรุณา
ทัศนคติในการปฏิบัติธรรมสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนตร์ มนตราภาวนา กราบพระ นั่งสมาธิ อ่านพระคัมภีร์ หัวใจหลักเราต้องมีโพธิจิต จิตที่ปราถนาจะบรรลุธรรมเพื่อประโยชน์ของสัตว์ทั้งหลาย การปฏิบัติบูชาพระแม่ตาราก็เช่นกันต้องมีโพธิจิตเป็นรากฐาน หากปราศจากโพธิจิต การปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้ต่างจากการกระทำจำนวนมากในชีวิตของเราที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของเราเท่านั้น แล้วถามว่าทำไมการคิดถึงความสุขของเราไม่ดี ไม่ผิดที่เราจะคิดถึงตัวเรา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าผู้อื่นก็มีความทุกข์เช่นกัน พวกเขาก็ล้วนต้องการความสุขเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราและเขาไม่ต่างกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเราถึงจะคิดหรือทำเพียงเพื่อตัวเราเท่านั้น
เมื่อมีทัศนคติที่ถูกต้องและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะปฏิบัติบูชาพระแม่ตาราเป็นยีตัม (พระพุทธเจ้า/พระโพธิสัตว์ที่ยึดเป็นหลักในการดำรงชีวิตและการปฏิบัติธรรม) แล้ว เราหาครูที่จะช่วยชี้นำหนทางในการปฏิบัติธรรม เราขอมนตรา ภิเษกจากครูเพื่อให้เราปฏิบัติบูชาพระแม่ตาราได้ดี เมื่อได้มนตราภิเษก ก็เท่ากับว่าเราได้รับอนุญาตให้สวดบูชาพระองค์ ให้นั่งสมาธิถึงพระองค์ โดยมีครูเป็นผู้นำทาง ไม่ใช่การปฏิบัติบูชาแบบสะเปะสะปะ ไม่ใช่การเดินหลงอยู่ในป่า หรือการปิดตาเดินโดยไม่รู้ว่าทำอย่างไรจะไปให้ถึงที่หมายอย่างรวดเร็วและปลอดภัย บางคนปฏิบัติเอง ลองผิดลองถูก ซึ่งเป็นการเสียเวลามากๆ พยายามเก็บเวลาอันมีค่าของเราเพื่อการปฏิบัติที่มีพื้นฐานที่ถูกต้องอันนำไปสู่การตรัสรู้ธรรม
จาก http://krisadawan.wordpress.com/2009/03/10/tara-practice/
No comments:
Post a Comment